- บทความ
- เช็กก่อนซื้อ ! ดูอย่างไรว่าครีมกันแดด กันได้ดีแค่ไหน
เช็กก่อนซื้อ ! ดูอย่างไรว่าครีมกันแดด กันได้ดีแค่ไหน
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งครีมกันแดดที่คุณใช้ไม่สามารถปกป้องผิวได้อย่างที่คาดหวัง? บางครั้งใช้แล้วก็ยังรู้สึกผิวไหม้ ผิวคล้ำ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อเลือกซื้อครีมกันแดด ค่าต่าง ๆ ที่อยู่บนหน้าขวดสามารถสร้างความแตกต่างให้กับการปกป้องผิวได้
ความจริงแล้ว มีปัจจัยสำคัญอีกหลายประการที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปกป้องผิวของคุณ การเลือกครีมกันแดดไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาผิวต่าง ๆ ตั้งแต่ฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำ ไปจนถึงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนัง
ศิริราชบำรุงเวชขอพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าต่าง ๆ บนฉลากครีมกันแดด และเคล็ดลับในการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวของคุณ เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
รู้จักแต่ละประเภทของครีมกันแดด
1. Chemical Sunscreen (กันแดดเคมี)
ครีมกันแดดที่ใช้สารเคมีเป็นส่วนประกอบหลัก ทำงานโดยการดูดซับแสง UV จนเกิดปฏิกิริยาเคมีที่เปลี่ยน UV เป็นพลังงานความร้อนแล้วปล่อยออกจากผิวหนัง เพื่อไม่ให้เข้าไปทำลายผิว
ครีมกันแดดที่ไม่ทิ้งคราบขาว เนื้อบางเบา
ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีในการซึมลงผิว
บางครั้งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
สารเคมีบางประเภทส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควรศึกษาก่อนใช้ทาลงทะเล
เหมาะกับคนที่มีผิวธรรมดาหรือผิวผสม
2. Physical Sunscreen (กันแดดกายภาพ)
ครีมกันแดดฟิสิคอล เป็นสารกันแดดจากธรรมชาติที่ทำงานแบบกระจกสะท้อนแสง โดยเป็นการสร้างเกราะป้องกันบนผิวหนัง เมื่อแสง UV มากระทบ จะสะท้อนและกระจายรังสีออกไป
ครีมกันแดดประเภทนี้มักทิ้งคราบขาว
ทำงานทันทีที่ทา
มีโอกาสแพ้และระคายเคืองน้อยกว่าเพราะไม่ซึมเข้าผิว
ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือบอบบาง
3. Hybrid Sunscreen
ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมทั้ง Chemical และ Physical Sunscreen เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยมีการใช้สารเคมีดูดซับรังสี UV ที่สารฟิสิคอลไม่สามารถป้องกันได้สมบูรณ์ และลดผลข้างเคียงจากสารเคมีด้วยแร่ธาตุจากสารฟิสิคอล ทำให้ผู้มีผิวบอบบางสามารถใช้ได้โดยไม่ทิ้งคราบขาว และยังมีเนื้อสัมผัสบางเบา ทาง่าย
แกะฉลาก ค่า SPF คืออะไร และ PA หมายถึงอะไร?
ค่า SPF
ค่า Sun Protection Factor บอกความสามารถในการป้องกัน UVB ยูวีบี (UVB) ซึ่งเป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร ที่ทำให้เกิดผิวไหม้ ผิวหนังอักเสบ ผิวแก่ก่อนวัย และเกิดมะเร็งผิวหนัง
SPF 15: กันได้ 93%
SPF 30: กันได้ 97%
SPF 60: กันได้ 98%
ค่า PA
Protection Grade of UVA คือ ค่าที่บอกความสามารถในการป้องกัน UVA ยูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร ที่ทำให้เกิดผิวคล้ำแดดผ่านการกระตุ้นการสร้างเมลานิน โดยสามารถดูความสามารถในการป้องกันได้จากสัญลักษณ์ + และควรเลือกใช้ PA+++ หรือ PA++++ หรือสัญลักษณ์ UVA
โดยการจะทาครีมกันแดดเพื่อให้ปกป้องได้เต็มประสิทธิภาพ จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือบริเวณใบหน้า และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เพราะความสามารถในการปกป้องของครีมกันแดดสามารถลดลงได้ตามเวลา หรืออาจชะล้างจากเหงื่อและการเช็ดหน้าระหว่างวัน
เช็กลิสต์ครีมกันแดดที่ศิริราชบำรุงเวชแนะนำ
เลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB
เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป
เลือกใช้ครีมกันแดดประเภทฟิสิคอล เพื่อลดโอกาสการระคายเคือง
ครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เช่น สารกันเสีย พาราเบน
ในกรณีที่จำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเหงื่อมาก แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่กันน้ำได้
ปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มที่การเลือกครีมกันแดดที่ใช่

เริ่มต้นปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการทาครีมกันแดดทุกวัน และเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโรงพยาบาลศิริราช
ศิริราช ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด(สีเนื้อ)Tinted Physical Sunscreen SPF 50+ PA++++ ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดชนิดกายภาพ (สีเนื้อ) ลดโอกาสการเกิดอาการระคายเคืองจากสารเคมี ด้วยการไม่ใส่น้ำหอม สารกันเสีย และพาราเบน โดยมีส่วนประกอบคือ Zinc Oxide, Titanium Dioxide เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
การทาครีมกันแดดทุกวันเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยปกป้องไม่ให้ปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิว และมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วง 11.00 - 15.00 น. และอย่าลืมทาครีมกันแดดบริเวณ หู คอ และหลัง เพื่อผิวที่กระจ่างใส เนียนนุ่ม และปราศจากมะเร็งผิวหนัง
สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของศิริราชบำรุงเวชเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.sirirajbrv.com
Facebook : Sirirajbumrungvej
หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 096-893-0062