1. บทความ
  2. 6 Steps พักหน้าเมื่อแพ้ครีมทาผิว ให้ผิวฟื้นฟูเร็วขึ้น

6 Steps พักหน้าเมื่อแพ้ครีมทาผิว ให้ผิวฟื้นฟูเร็วขึ้น

ผู้หญิงกำลังส่องกระจกเพื่อดูอาการผิวหน้าที่แพ้ครีมทาผิว พร้อมข้อความที่ระบุว่า “คู่มือ 6 Steps พักหน้า หลังแพ้ครีมทาผิว”

28 พฤศจิกายน 2568

เคยไหม… ใช้ครีมแล้วหน้าแดง คัน แสบร้อน หรือผดขึ้น เพราะแพ้ครีมทาผิวหน้า หลายคนเจอปัญหานี้แล้วก็มักจะตกใจ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี บางคนปล่อยทิ้งไว้เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หายเอง หรือหยุดใช้เฉพาะตัวที่รู้สึกว่าแพ้ แล้วรีบเปลี่ยนไปใช้สกินแคร์ตัวใหม่ทันที ซึ่งการกระทำเหล่านี้อาจทำให้ผิวอักเสบรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเกิดอาการแพ้ครีมทาผิว สิ่งที่ถูกต้องที่สุดคือการพักหน้า เพื่อให้ผิวหยุดรับสารเคมีและให้เวลาผิวได้ฟื้นตัวตามกระบวนการธรรมชาติ แต่หลายคนยังคงสงสัยว่า พักหน้าคืออะไร ? ต้องทำอย่างไร ? พักนานแค่ไหน ? ระหว่างพักหน้าใช้อะไรได้บ้าง ?

ศิริราชบำรุงเวชจะพาคุณไปทำความเข้าใจการพักหน้าอย่างถูกต้อง พร้อมเปิดเผย 6 ขั้นตอนที่ควรทำทันทีเมื่อแพ้ครีมทาผิว รวมถึงวิธีทดสอบอาการแพ้ก่อนเริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่ เพื่อให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรงด้วยวิธีการที่ปลอดภัย

การพักหน้าคืออะไร ?

การพักหน้าคือ การงดใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าหรือลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองด้วยกลไกตามธรรมชาติ และกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง โดยเน้นการลดกิจกรรมที่รบกวนผิวหน้าให้น้อยที่สุด เพื่อให้ผิวหน้าได้พักจากการถูกรบกวน ถือเป็นเทคนิคช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้พร้อมก่อนเริ่มบำรุงครั้งใหม่

แล้วการพักหน้ามีประโยชน์อย่างไร ?

1. ลดอาการอักเสบและการระคายเคือง

เมื่อทาครีมแล้วรู้สึกว่ามีอาการแดง คัน แสบร้อน หรือมีผดขึ้นหลังทาครีม นั่นเป็นสัญญาณชัดเจนว่าผิวหนังกำลังเกิดการอักเสบหรือระคายเคือง การแก้ไขคือการพักหน้า หรือหยุด/ลดการใช้สกินแคร์ทันที เพื่อให้ผิวได้หยุดรับสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นตัวกระตุ้นอาการแพ้ ซึ่งจะช่วยให้ผิวได้ฟื้นตัวและลดอาการอักเสบระคายเคืองลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)

อาการแพ้ครีมทาผิวหน้ามักทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวไวต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้หากเราใช้ครีมหรือแต่งหน้าในอนาคตก็จะมีโอกาสแพ้มากยิ่งขึ้น การพักหน้าสักระยะเวลาหนึ่งจะช่วยให้เกราะป้องกันผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองและกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง

6 วิธีพักหน้าที่ต้องทำเมื่อแพ้ครีมทาผิว

1. หยุดใช้ครีมตัวที่ทำให้แพ้ทันที

เมื่อพบว่าทาครีมแล้วแสบหน้าหรือมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นแดง คัน หรือผดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นทันที รวมถึงลดขั้นตอนการใช้สกินแคร์ทั้งหมดลง เพื่อไม่ให้ผิวถูกกระตุ้นซ้ำ การพยายามใช้ครีมหลายตัวเพื่อแก้อาการอาจยิ่งทำให้ผิวอักเสบมากขึ้น

หลังหยุดใช้ ให้สังเกตอาการ 3–7 วัน หากมีอาการรุนแรง เช่น ตุ่มน้ำ ผิวบวมแดง หรือผิวลอก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะอาจไม่ใช่เพียงการระคายเคืองทั่วไป แต่อาจเป็นอาการแพ้สัมผัสที่ต้องได้รับการประเมินอย่างเหมาะสม

2. ทำความสะอาดผิวด้วยโฟมสูตรอ่อนโยน

ระหว่างพักหน้า คุณยังสามารถล้างหน้าได้ แต่ควรเลือกโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่มีค่า pH 5.0–5.5 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้เคียงกับผิวตามธรรมชาติ ช่วยป้องกันไม่ให้เกราะผิวถูกทำลายเพิ่มเติม การใช้คลีนเซอร์ที่แรงเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองมากขึ้น

และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือเม็ดสครับ รวมถึงล้างหน้าเพียงวันละ 1–2 ครั้ง ใช้น้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง พร้อมซับหน้าด้วยผ้าขนหนูสะอาดเบา ๆ เพื่อลดแรงเสียดสี

3. หลีกเลี่ยงครีมที่มีน้ำหอมหรือสารที่มีฤทธิ์รุนแรง

ในช่วงที่มีการพักหน้า ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่อาจทำให้เกิดการแพ้ทุกชนิด โดยเฉพาะน้ำหอม (Fragrance) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้สัมผัสบ่อยในกลุ่มสกินแคร์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิวแรง เช่น AHA หรือ Retinal ก็ควรหยุดใช้เช่นกัน เพราะผิวที่อ่อนแอจากอาการแพ้จะรับสารเหล่านี้ไม่ไหว และอาจทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น

4. เติมความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว

แม้การพักหน้าจะเน้นลดการทาครีม แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดใช้ทุกอย่าง เพราะสิ่งที่จำเป็นที่สุดในช่วงพักหน้าคือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อฟื้นฟูและปกป้องผิวที่เสียหาย การใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ โดยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่เลือกใช้ควรมีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น Ceramide, Panthenol, Glycerin หรือ Vitamin E เป็นต้น

ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยป้องกันผิวสูญเสียน้ำ และช่วยเสริมชั้นไขมันผิวที่สึกหรอให้กลับมาแข็งแรงขึ้น ตัวอย่างเช่น SIRIRAJ MOISTURE RICH CREAM ที่มีส่วนผสมของ Vitamin E 5% และ Glycerin ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวในช่วงที่พักหน้าได้เป็นอย่างดี

5. ทาครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนต่อผิว

การทาครีมกันแดดมีความสำคัญมากในช่วงพักหน้า เพราะรังสี UV สามารถทำให้อาการอักเสบแย่ลง และทำให้เกิดรอยแดงหรือรอยดำหลังการอักเสบได้ง่าย การปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดยังช่วยลดโอกาสการเกิดรอยดำหลังอักเสบ ซึ่งพบบ่อยหลังเกิดอาการแพ้ครีมทาผิวหน้า ครีมกันแดดที่เหมาะในช่วงพักหน้าคือ Physical Sunscreen ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมหลักเป็นแร่ธาตุสำคัญอย่าง Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ทำหน้าที่ในการสร้างชั้นป้องกันบนผิวหนังที่สะท้อนและกระจายรังสี UV ออกไป 

โดยที่สารกันแดดเหล่านี้ไม่ได้ซึมทะลุเข้าสู่ผิวหนังในชั้นลึก จึงไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีภายในผิว ส่งผลให้ลดโอกาสการระคายเคืองและการแพ้ ตัวอย่างครีมกันแดดสูตร Physical Sunscreen เช่น SIRIRAJ PURE PHYSICAL SUNSCREEN SPF 50+ PA+++ ครีมกันแดดที่ทุกสภาพผิวสามารถใช้ได้ ปราศจากน้ำหอม ช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวจากรังสี UV ต่าง ๆ

6. ไม่แกะ เกา และรบกวนผิว

หนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้อาการแพ้ครีมทาผิวหายช้าที่สุดคือ การสัมผัสผิวโดยไม่จำเป็น เพราะการสัมผัสด้วยมือที่ไม่สะอาดจะนำเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิว ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น ขณะเดียวกันการแกะหรือเกาผิวที่อ่อนแอสามารถทำให้เกิดบาดแผลเล็ก ๆ ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเกราะผิว และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหรือรอยแดงที่หายยากตามมาได้

How to ทดสอบการแพ้ครีมทาผิวก่อนใช้ครีมใหม่

เมื่อพักหน้าเพื่อให้ผิวฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ซ้ำ และลดความเสี่ยงจากการเริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่ในอนาคต ศิริราชบำรุงเวชจึงขอแนะนำ 3 วิธีทดสอบอาการแพ้ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองก่อนใช้สกินแคร์ตัวใหม่ โดยสามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณมากที่สุดได้ ดังนี้

1. ทดสอบอาการแพ้ใต้ท้องแขนหรือข้อพับ

ทดสอบโดยการทาครีมที่ซื้อมาใหม่ในปริมาณขนาดเท่าเหรียญสิบบาทที่ท้องแขนหรือข้อพับ ทาซ้ำทุกเช้าและเย็น หมั่นสังเกตปฏิกิริยาผิวเป็นเวลาอย่างน้อย 7–10 วัน หากพบอาการบ่งชี้ถึงการแพ้ เช่น เกิดผื่นแดง ตุ่มนูน แสบคัน หรือมีผิวแห้งลอก ให้หยุดใช้ทันที เพราะผลิตภัณฑ์ที่ทดสอบอาจมีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือไม่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ

2. ทดสอบอาการแพ้บริเวณหลังใบหู

นอกจากนี้ยังสามารถทดสอบโดยการนำสกินแคร์มาทาที่บริเวณหลังใบหู ติดต่อกันเป็นเวลา 3–7 วัน หากไม่มีอาการระคายเคือง คัน แสบร้อน หรือมีผื่นขึ้นบริเวณที่ทดสอบ ก็สามารถนำสกินแคร์ที่ทดสอบมาใช้กับใบหน้าได้

3. ทดสอบอาการแพ้บริเวณกราม

การทดสอบอาการแพ้บริเวณกรามจะเป็นส่วนที่สังเกตเห็นได้ชัดกว่าส่วนอื่น เพราะเป็นส่วนที่อยู่บนใบหน้า ให้ทดสอบโดยการนำสกินแคร์มาทาบริเวณช่วงกราม ติดต่อกัน 3–7 วัน หากมีอาการระคายเคือง หรือมีผื่นขึ้นบริเวณที่ทำการทดสอบ ควรหยุดใช้ทันที และไม่ควรนำมาใช้กับผิวหน้า

สรุป : พักหน้าให้ถูกวิธี เพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรง

การพักหน้าไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดใช้ทุกอย่าง แต่คือการให้ผิวได้ซ่อมแซมตัวเองด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนที่สุด ควบคู่กับการหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นอาการแพ้ เช่น น้ำหอม สารผลัดผิว การแต่งหน้า และการสัมผัสผิวบ่อยเกินไป และอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย SIRIRAJ MOISTURE RICH CREAM มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง Vitamin E 5% 

พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วย SIRIRAJ PURE PHYSICAL SUNSCREEN SPF 50+ PA+++ ครีมกันแดดที่ปราศจากพาราเบนและน้ำหอม พัฒนาโดยทีมเภสัชกรโรงพยาบาลศิริราช เมื่อดูแลผิวด้วยวิธีนี้อย่างสม่ำเสมอ ผิวของคุณจะค่อย ๆ กลับมาแข็งแรง และปลอดภัยจากอาการแพ้ครีมทาผิวหน้าได้ในระยะยาว

สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของศิริราชบำรุงเวชเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.sirirajbrv.com

Facebook : Sirirajbumrungvej

หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 096-893-0062

แชร์: