มัดรวมเรื่องต้องรู้ของ “ผมแห้งเสีย”

เชื่อว่าคนที่มีผมแห้งเสียอย่างหนักมักเคยเกิดเหตุการณ์ที่หวีผมแล้วผมพันกันจนเอาไม่ออก หรือผมชี้ฟูขนาดที่หนีบแล้วก็ยังดูไม่มีน้ำหนัก ทำให้เรารำคาญใจหรือไม่มั่นใจเป็นประจำ ซึ่งปัญหาผมแห้งเสียหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง และจัดการปัญหาที่ต้นตอก็กลายเป็นปัญหาในระยะยาวได้

หลายคนมักเข้าใจว่า ผมแห้งเสียเกิดจากการทำสีผมเพียงเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน ศิริราชบำรุงเวชชวนคุณมาลงลึกถึงสาเหตุ วิธีการดูแล ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้เพื่อให้ผมกลับมาเงางามและนุ่มลื่นอีกครั้ง

ผมแห้งเสียเป็นอย่างไร มาเช็กว่าคุณมีผมแห้งเสียจริงไหม

ผมแห้งเสียเป็นอาการที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในผู้หญิง เนื่องจากนิยมทำสีผม ใช้ความร้อนกับเส้นผมเป็นประจำ โดยหลายคนอาจยังไม่มั่นใจหรือแยกไม่ออกว่า ผมแห้งเสียดูอย่างไร โดยอาจสังเกตได้จากลักษณะเส้นผมที่รู้สึกแข็งกระด้างที่ปลายผม ผมช็อต ชี้ฟู พันกันง่าย เปราะบาง หรือแตกปลาย นอกจากนี้ยังมีวิธีเช็กง่าย ๆ เพียง 4 ขั้นตอน

1. จับเส้นผม 1 เส้นมาดึงและหดสัก 2-3 ครั้ง ถ้าดึงแล้วผมขาดแสดงว่าคุณมีผมแห้งเสีย

2. ใช้มือลูบผมจากบนลงล่าง 2-3 ครั้ง หากสัมผัสแล้วรู้สึกแห้ง แข็งกระด้าง แสดงว่ามีผมเสีย

3. ดึงเส้นผมออกมา 1 เส้น หากเส้นผมขาดออกจากกันแสดงว่าผมเปราะบาง

4. ใช้นิ้วหรือหวีสางผมแล้วมีเส้นผมติดหวี หรือผมสากจนทำให้สางยากแสดงว่าผมแห้งเสีย

หากลองทำตาม 4 ขั้นตอนนี้แล้วมีอาการผมแห้งเสีย แสดงว่าต้องเริ่มดูแลและเติมความชุ่มชื้นก่อนที่ผมจะแห้งเสียไปมากกว่านี้ แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้วิธีดูแลเส้นผม เราต้องเริ่มจากเข้าใจแหล่งที่มาของความชุ่มชื้นในเส้นผมก่อนว่ามันมาจากไหน เพื่อให้เข้าใจได้ว่าต้องเสริมความชุ่มชื้นอย่างไร

ความชุ่มชื้นในเส้นผมมาจากไหน ชวนมารู้จักโครงสร้างเส้นผม

หากคุณเคยสงสัยว่าทำไมผมคนอื่นเขาดูนุ่มลื่น มีน้ำหนักดีจัง นั่นเป็นหนังศีรษะของคนเหล่านั้นมีการผลิต “ซีบัม” หรือน้ำมันตามธรรมชาติในหนังศีรษะอย่างเหมาะสม รวมไปถึงยังมีโปรตีนหรือเคราตินอยู่ในเส้นผมอย่างพอเหมาะ โดยเส้นผมมีโครงสร้างดังนี้

• Medulla เป็นส่วนแกนที่เกิดจากไขมันและโปรตีน

• Cortex คือส่วนชั้นเนื้อตรงกลางเส้นผม ทำหน้าที่ช่วยให้เส้นผมยืดหยุ่นตัวได้ดี

• Cuticle หรือส่วนชั้นนอกทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ในเส้นผม และยังเป็นชั้นที่มีเคราตินช่วยทำให้ผมแข็งแรง  ป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปทำลายเส้นผมอีกด้วย

ผมแห้งเสียเกิดจากการที่เส้นผมสูญเสียเคราติน ทำให้ส่วน Cuticle เปราะบาง แตกออก นอกจากจะทำให้เส้นผมขาดความแข็งแรงแล้ว ยังไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ผมขาดความยืดหยุ่นและขาดความชุ่มชื้นในที่สุด แล้วสาเหตุที่ทำให้เราสูญเสียเคราตินมีอะไรบ้าง มาดูกัน

ผมแห้งเสียเกิดจากอะไร

ปัจจัยที่ทำให้ผมเราสูญเสียเคราตินเกิดจากการกระตุ้นทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ซึ่งการรับรู้สาเหตุจะทำให้เราป้องกันและแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดมากยิ่งขึ้น โดยสาเหตุมีดังนี้

• หนังศีรษะแห้งจากการที่ซีบัมผลิตออกมาได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้ผมแห้งเช่นเดียวกัน โดยสามารถเกิดได้จาก 

  • สภาพอากาศแห้งหรือเย็นทำให้หนังศีรษะแห้ง

  • การสระผมบ่อยจนเกินไปอาจกำจัดซีบัมบนหนังศีรษะ

  • อาการแพ้แชมพูทำให้หนังศีรษะบอบบางและแห้งง่าย

  • อายุที่มากขึ้นทำให้ผิวและหนังศีรษะแห้ง

• โรคที่อาจทำให้ผมแห้งเสีย

• หนีบ ม้วน หรือไดร์ผม สระผมด้วยความร้อนสูงเป็นประจำ เนื่องจากความร้อนทำให้ Cuticle แห้งเสียและทำลายโปรตีนในเส้นผม

• สารเคมีบางชนิดส่งผลให้หนังศีรษะแห้ง หรือทำลายเส้นผมให้เสียหาย เช่น น้ำยาย้อมผม หรือสารทำความสะอาดบางประเภท

เบื้องต้นการหาสาเหตุที่ทำให้ผมแห้งเสียควรค่อย ๆ สังเกตผ่านการลดปัจจัย เช่น ลดการไดร์ผมด้วยความร้อน หรือลดการใช้สารเคมีที่ผม หรือหากสงสัยว่าผมแห้งเสียจากโรค ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำปรึกษา

8 วิธีดูแลผมแห้งเสียหนักให้กลับมามีน้ำหนัก

1. ลดการใช้ความร้อนกับเส้นผม ทั้งสระผมด้วยน้ำร้อน หนีบ ม้วน หรือไดร์ผมป้องกันผมเสีย หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันความร้อนก่อนไดร์ หนีบ หรือม้วน

2. หากจำเป็นต้องใช้ไดร์เป่าผม ควรใช้ในระยะที่ห่างจากผม 6 นิ้ว หรือเลือกใช้ลมเย็น

3. หมักผมเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ด้วยน้ำมันธรรมชาติก่อนสระผม 15-20 นาที และใช้ทรีตเมนต์ที่มีส่วนผสมของเคราตินเพื่อช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรง

4. รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม เช่น โปรตีน โอเมก้า 3 วิตามิน B12 เป็นต้น

5. ปกป้องเส้นผมจากแสงแดด ด้วยการใส่หมวก กางร่ม หรือฉีดสเปรย์กันแดดสำหรับเส้นผม

6. เล็มปลายผมประมาณ 1-2 นิ้ว เป็นประจำทุก 3 เดือนเพื่อเอาผมเสียออก

7. เช็ดผมให้ถูกวิธี ด้วยการค่อย ๆ ซับผมและไม่ขยี้แรง ๆ เนื่องจากจะทำให้ผมเปราะบางได้ง่าย

8. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นกับเส้นผม เช่น เซรั่มบำรุงผมหรือน้ำมันหลังจากผมแห้งแล้ว

แนะนำแชมพูที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผมและหนังศีรษะ

นอกจากการบำรุงด้วยเซรั่มหรือน้ำมันใส่ผมแล้ว ควรเลือกใช้แชมพูที่เป็นสูตรสำหรับผมแห้งเสีย หรือมีสารให้ความชุ่มชื้น เช่น น้ำมันธรรมชาติ, Pentavitin สารสกัดจากข้าวสาลีที่ช่วยล็อกความชุ่มชื้น, Arginine กรดอะมิโนที่นำไปสร้างโปรตีนในเส้นผม, หรือ Vitamin B3 ที่ช่วยเสริมความชุ่มชื้นได้ดี ศิริราชบำรุงเวชจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ ศิริราช มายด์ แชมพู (SIRIRAJ MILD SHAMPOO) ที่พัฒนาโดยเภสัชกรจากศิริราชโดยเฉพาะ

โดยศิริราช มายด์ แชมพู เป็นยาสระผมสูตรอ่อนโยนต่อหนังศีรษะ ปราศจากพาราเบนและปราศจากซิลิโคน ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินโดยที่ไม่ทำให้เส้นผมและหนังศีรษะแห้งเสีย ด้วยส่วนผสมจาก Vitamin B3, Pentavitin และ Arginine ที่ช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะให้ชุ่มชื้น

Q&A เกี่ยวกับผมแห้งเสีย

Q : ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าผมจะกลับมานุ่มลื่น

A : ผมแห้งเสียเป็นอาการที่ไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้โดยไว เพราะเมื่อผมแห้งเสียแล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก นอกจากเราจะคอยเล็มและบำรุงด้วยความชุ่มชื้นให้ผมงอกใหม่มีสุขภาพดี ดังนั้นจึงเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลา แต่เราสามารถทำให้ผมดูสุขภาพดีขึ้นชั่วคร่าวได้ด้วยการใช้ออยล์ใส่ผมหรือใช้ทรีตเมนต์หลังสระ

Q : ไม่อยากผมแห้งเสียแต่จำเป็นต้องทำสีผมควรทำอย่างไร

A : พยายามย้อมผมด้วยด้วยเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผมไม่เกิน 3 เฉด เนื่องจากยิ่งย้อมผมสีสว่างมากจะยิ่งทำให้แห้งเสียมากกว่าเดิม

Q : ผู้ชายสามารถดูแลผมแห้งเสียเหมือนผู้หญิงได้ไหม

A : ผู้ชายสามารถใช้วิธีการดูแลผมเหมือนผู้หญิงได้ โดยอาจจะระวังเรื่องความถี่ในการสระผม ไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินไป และหากผมสั้นมาก ควรระวังไม่ให้ครีมนวดผมหรือทรีตเมนต์โดนหนังศีรษะ เพราะอาจทำให้อุดตันรูขุมขนได้

ผมแห้งเสียไม่ควรละเลย รีบดูแลก่อนจะสาย เพราะผมแห้งเสียไม่ใช่เพียงปัญหาความงามที่เรามองข้ามได้ แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์บนหนังศีรษะ หรือาจกลายภาวะผมร่วงเป็นหย่อม หรืออาจกลายเป็นหัวล้านได้ในอนาคต จึงควรสังเกตสาเหตุที่ทำให้ผมเราแห้งเสียและหมั่นเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมและหนังศีรษะอยู่เสมอ ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง ศิริราช มายด์ แชมพู เพื่อให้ผมกลับมานุ่มลื่น มีน้ำหนัก และ เงางาม