1. บทความ
  2. แพ้ครีมทาผิวขาวต้องรีบดูแล ก่อนผิวพังหนักไปกว่าเดิม!

แพ้ครีมทาผิวขาวต้องรีบดูแล ก่อนผิวพังหนักไปกว่าเดิม!

ลักษณะของอาการแพ้ครีมทาผิว พร้อมข้อความที่ระบุว่า “แพ้ครีมทาผิวต้องรับดูแล ก่อนผิวพังหนักไปกว่าเดิม”

29 สิงหาคม 2568

เคยมีอาการเหล่านี้กันหรือเปล่า...ที่รู้สึกคันยุบยิบตามผิวหนังหลังจากใช้ครีมทาผิว ในบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออาจจะมองว่าเป็นอาการคันตามตัวปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว อาการคันเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการแพ้ครีมทาผิวขาว ที่อาจจะลุกลามสู่การเป็นผื่นแพ้ มีอาการแดง แห้งลอกได้ โดยเฉพาะในกลุ่มครีมทาผิวกายที่มีสารเร่งขาว หรือเป็นครีมที่ไม่มีมาตรฐานที่ยังคงแพร่หลายในปัจจุบัน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวพังโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าอาการแพ้ครีมทาผิวขาวเป็นแบบไหน เกิดจากอะไร และมีวิธีป้องกันหรือรักษาอย่างไร จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่รักการดูแลผิว

แพ้ครีมทาผิวขาวเป็นแบบไหน ?

โดยทั่วไปแล้วอาการแพ้ครีมทาผิวขาวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีผิวแข็งแรงหรือมีผิวที่บอบบาง โดยเฉพาะในผู้ที่ชอบทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะผิวอาจยังไม่คุ้นเคยกับสารประกอบบางชนิด เมื่อสารเหล่านี้สัมผัสผิวก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้ครีมทาผิวขาวได้ในทันที หรือบางครั้งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าที่อาการจะแสดงออกมา ซึ่งลักษณะอาการแพ้ที่พบได้บ่อยมี ดังนี้

1. อาการแสบ คัน ระคายเคือง

การแพ้ครีมทาผิวขาวที่มีอาการแสบ คัน ระคายเคือง ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสารที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้นเกินไป ทำให้ผิวสูญเสียสมดุลและเกิดอาการระคายเคืองได้

2. อาการผื่นแดง บวม คัน

เป็นอาการแพ้ครีมทาผิวขาวที่มักพบได้บ่อยของผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หากเกิดอาการแพ้ผิวหลังจะมีอาการผื่นแดง บวม คัน ภายใน 12-48 ชั่วโมง หลังจากทาครีมทาผิว

3. ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย

หากในครีมทาผิวมีน้ำหอม สารกันเสีย หรือสารเร่งขาวที่รุนแรง ครีมจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ที่มีอาการแพ้ครีมทาผิวขาวจึงจะมีอาการผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุยเกิดขึ้นตามมา

ส่วนประกอบในครีมทาผิวขาวที่ก่อให้เกิดการแพ้

ส่วนผสมในครีมทาผิวที่มักจะก่อให้เกิดอาการแพ้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะพบในครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน ครีมที่เห็นผลไวทันตาเห็น จึงมักจะใส่สารอันตรายที่ช่วยเร่งผลลัพธ์ให้ไว ซึ่งมักจะส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาว ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนว่ามีสารอันตรายเหล่านี้หรือไม่

1. สารปรอท (Mercury)

สารปรอทเป็นสารที่ยับยั้งกระบวนการสร้างเมลานินหรือเม็ดสีของผิว ทำให้ผู้ใช้มีผิวที่ขาวขึ้น แต่ความน่ากลัวของสารตัวนี้คือถ้าหากใช้ไปเรื่อย ๆ จะสามารถก่อให้เกิดผื่นแดง แสบ เป็นพิษสะสมในผิวหนัง ในระยะยาวอาจดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ตับ-ไตอักเสบ รวมไปถึงทำลายระบบประสาทได้อีกด้วย

2. สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการสร้างเมลานินเช่นเดียวกับสารปรอท จึงมีส่วนทำให้ผิวดูขาวขึ้น ซึ่งโดยปกติสารไฮโดรควิโนนสามารถใช้ได้ในยารักษาฝ้า-กระ ที่ถูกจ่ายภายใต้คำสั่งและการควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้าหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผิว เกิดเป็นอาการแพ้ไปจนถึงทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้น

3. สารสเตียรอยด์ (Steroids)

สารสเตียรอยด์แม้ว่าจะเป็นยาควบคุมพิเศษ แต่ก็มักจะถูกนำมาใช้ในครีมทาผิวขาว เพราะสเตียรอยด์จะมีส่วนช่วยทำให้มีผิวที่ขาวขึ้นได้จริง แต่จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะหลังจากใช้ไปนาน ๆ แล้วหยุดใช้ ผิวหนังจะบอบบางลงและไวต่อแสงเช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการระคายเคือง ในบางคนอาจเกิดจุดด่างดำหรือผื่นขึ้นตามร่างกายอีกด้วย

4. กรดเรติโนอิก (Retinoic Acid)

กรดเรติโนอิกหรือกรดวิตามินเอ เป็นสารที่สามารถออกฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิว และยับยั้งการสร้างเม็ดสี จึงเป็นกรดอีกหนึ่งชนิดที่สามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวมากผิดปกติ จนเกิดผิวหนังแห้งลอกและระคายเคืองได้

วิธีการรักษาเมื่อเกิดอาการแพ้ครีมทาผิวขาว

1. หยุดใช้ครีมทาผิวที่อาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้ทันที แต่ถ้าหากยังไม่ทราบว่าอาการแพ้มาจากครีมตัวไหน นำแนะให้ไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา หรือทำการทดสอบอาการแพ้ด้วยตัวเองไปทีละผลิตภัณฑ์

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน เพื่อบรรเทาไม่ให้เกิดการระคายเคืองผิวที่ซ้ำซ้อน อย่างเช่นในครีมอาบน้ำศิริราช ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างว่านหางจระเข้ ทำให้ผิวชุ่มชื้น

3. ใช้น้ำเย็นในการอาบน้ำ เพราะการอาบน้ำเย็นในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียสเป็นประจำ จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ช่วยกระชับรูขุมขนได้ดี ไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนจนเกินไป

4. ประคบเย็นบริเวณที่อักเสบ หากมีอาการคัน บวม แดง ให้ทำการประคบเย็น เพื่อปลอบประโลมผิวและลดการอักเสบในบริเวณที่มีอาการแพ้ครีมทาผิวขาว

5. ทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว หากมีอาการผิวแห้ง ลอก เป็นขุย ให้ทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยบำรุงและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว อย่างศิริราช มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่น ทั้งนี้ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย

6. พบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น เพื่อทดสอบอาการแพ้ที่ผิวหนัง (Skin Prick Test) และรับการรักษาที่เหมาะสม

แล้วต้องเลือกครีมทาผิวแบบไหนดีเพื่อไม่ให้เกิดการแพ้ ?

1. ต้องมีการรับรองจาก อย. และมีเลขที่จดแจ้งที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีสารต้องห้าม หรือสารอันตรายตามกฎหมาย

2. ดูส่วนผสมที่ฉลากเพื่อตรวจเช็กส่วนผสมที่แพ้ เพราะในบางคนแพ้น้ำหอม แพ้พาราเบน จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ครีมทาผิวขาวตั้งแต่ต้น

3. เช็กวันหมดอายุที่บรรจุภัณฑ์ โดยปกติแล้วครีมและโลชั่นทุกชนิดจะมีอายุประมาณ 3-5 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่หากเปิดใช้งานแล้วจะมีอายุไม่เกิน 1 ปี หากเกินกว่านั้นตัวครีมจะเสื่อมสภาพ และอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ผิวระคายเคืองได้

4. ซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือหน้าร้าน ควรพิจารณาร้านที่มีสถานที่ตั้งและช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน รวมถึงขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้เท่านั้น

สรุป : แพ้ครีมทาผิวขาวหายได้ แค่เข้าใจวิธีรักษา

อาการแพ้ครีมทาผิวไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะในครีมบำรุงผิวที่มีสารเร่งความขาวส่วนใหญ่มักจะมีสารอันตราย หากเริ่มมีอาการคันหรือแสบเล็กน้อยอย่าชะล่าใจ เพราะอาจจะลุกลามจนกลายเป็นผื่นแดง แห้งลอก ผิวเป็นขุยได้ แต่หากเกิดอาการแพ้ให้ปฏิบัติตามวิธีการรักษาในข้างต้น เพื่อบรรเทาอาการ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกผลิตภัณฑ์เพราะครีมทาผิวที่ได้มาตรฐานจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น อย่างใน ศิริราช มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง โลชั่น ครีมบำรุงผิวกายจากศิริราชบำรุงเวช ที่พัฒนาโดยเภสัชกร สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว

สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของศิริราชบำรุงเวชเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.sirirajbrv.com

Facebook : Sirirajbumrungvej

หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 096-893-0062

แชร์: